1. ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ขอแนะนำให้ดูฉลากแสดงประสิทธิภาพ หากเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีเบอร์ 5 ควรเลือกใช้เป็นที่สุด
2. ควรปิดเครื่องปรับอากาศหากไม่อยู่ในห้องนานเกิน 1 ชั่วโมง หรือ 30 นาที สำหรับ เครื่องปรับอากาศ เบอร์ 5
3. ตั้งปิดจอคอมฯ เมื่อไม่ใช้งาน เนื่องจากความร้อนจากจอคอมฯ จะเป็นภาระสำหรับเครื่องปรับอากาศ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง จะปล่อยความร้อนออกมา 250 วัตต์ ส่วนใหญ่จะเป็นความร้อนจากจอมอนิเตอร์ประมาณ 180 – 200 วัตต์
4. ตั้งอุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส แล้วเปิดพัดลมเสริม จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานไม่ทำงานหนัก
5. นำตู้มาตั้งชนิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตก เนื่องจากผนังด้านที่มีความร้อนมากที่สุดคือ ด้านตะวันออกและตะวันตก การที่มีตู้มาตั้งชิดผนังเสมือนกับว่ามีผนังหนาขึ้น ช่วยลดความร้อน ที่ผ่านผนังเข้ามาได้ ทำให้ไม่ต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศต่ำกว่าปกติ
6. ตรวจดูว่า ภายในห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศนั้น มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นอยู่มากเกินไปหรือเปล่า อย่างเช่น ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระติกน้ำร้อน ฯลฯ หากมีควรย้าย ออกไปข้างนอกห้องจะดีมาก เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้จะปล่อยความร้อนออกมาเท่ากับ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ เป็นภาระให้กับเครื่องปรับอากาศ
7. การเลือกเปลี่ยนใช้หลอดประหยัดไฟ เดี๋ยวนี้มีให้เลือกทั้ง ใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ รวมทั้งหลอด LED ที่ประหยัดไฟที่สุดตอนนี้ หากใครใช้หลอดผอมจอมประหยัดแทนหลอดอ้วน ก็อย่าลืมใช้บัลลาสต์อิเล็กโทรนิกคู่กับหลอดผอม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดไฟได้ดีมากยิ่งขึ้น
8. หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟที่บ้าน อย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี เป็นการช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับบ้านโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น
9. ควรเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว ไม่ควรใช้ตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นเพราะจะกินไฟเกินไป และควรตั้งตู้เย็นห่างจากผนังบ้าน 15 ซม.
10. ควรตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม การตั้งที่ตัวเลขต่ำเกินไป อุณหภูมิจะเย็นน้อย ถ้าตั้งที่ตัวเลขมากเกินไปจะเย็นมาก เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ควรตั้งค่าเลขต่ำที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ
|